ขายฝาก คืออะไร มีข้อดีข้อเสียเมื่อดำเนินการอย่างไรบ้าง

ในการหาเงินก้อนโดยใช้ทรัพย์สินของตนเองเป็นหลักค้ำประกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินดังกล่าวมาใช้ตามความต้องการ ซึ่งรูปแบบของ “การขายฝาก” จึงมักเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยม แต่ก่อนจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวมาทำความรู้จักกันอย่างละเอียดเลยว่า การขายฝากคืออะไร มีข้อดีข้อเสียแบบไหนบ้าง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดในอนาคตของตนเอง

เหตุผลที่ทำไมต้องเลือกเรา

        การขายฝาก คือ รูปแบบหนึ่งของกระบวนการทางการเงินในลักษณะของการขายสินทรัพย์ที่ “ผู้ขายฝาก” เป็นเจ้าของเองขายให้กับ “ผู้รับซื้อฝาก” โดยจะมีการทำสัญญาข้อตกลงระบุเงื่อนไขสำหรับไถ่ถอนสินทรัพย์ดังกล่าวคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด (ไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายระบุไว้) ทั้งนี้กรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์นั้น ๆ จะเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีจนกว่าจะมีการไถ่ถอนคืน

เหตุผลที่ทำไมต้องเลือกเรา

สินทรัพย์ทุกประเภทที่ผู้ขายฝากเป็นเจ้าของสามารถนำมาขายฝากได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน ไร่นา โกดัง โรงงาน คอนโด อาคารพาณิชย์ ยานพาหนะ ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ มือถือ ฯลฯ อย่างไรก็ตามมีเงื่อนไขเกี่ยวกับแบบสัญญาขายฝากตามประเภทของสินทรัพย์แตกต่างกันออกไป โดยสรุปง่าย ๆ ดังนี้
       
          1. การขายฝากอสังหาริมทรัพย์ (สินทรัพย์เคลื่อนที่ไม่ได้) หากเป็นกลุ่มที่ดินต้องทำสัญญาและจดทะเบียนขายฝากกับเจ้าพนักงานที่ดิน หากเป็นที่อยู่อาศัยต้องทำสัญญาและ
              จดทะเบียนขายฝาก ณ ที่ว่าการอำเภอของอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ หากไม่ปฏิบัติตามนี้สัญญาจะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย
          2. การขายฝากอสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ (สินทรัพย์เคลื่อนที่ได้ และมีการกำหนดไว้เป็นพิเศษต้องทำสัญญาและจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่) เช่น เรือ ต้องทำสัญญาและจดทะเบียน
              ที่กรมเจ้าท่า สัตว์พาหนะหรือแพต้องทำสัญญาและจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ หากไม่ทำตามนี้สัญญาจะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย
          3. การขายฝากสังหาริมทรัพย์ธรรมดา หรือสินทรัพย์ทั่วไป (สินทรัพย์เคลื่อนที่ได้ ยกเว้นเรือ แพ สัตว์พาหนะ) หากมีราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ต้องมีการทำหนังสือหลักฐานเป็น
              ลายลักษณ์อักษรโดยผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากลงลายมือชื่อของตนเองเอาไว้ในเอกสารดังกล่าว หรืออาจมีการวางมัดจำ การชำระหนี้บางส่วน หากไม่ทำตามนี้สัญญาจะไม่มีผล
              บังคับทางกฎหมาย

การขายฝากเป็นวิธีการทำธุรกรรมที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้กับเจ้าของทรัพย์สิน โดยมีข้อดีหลักดังนี้:

  1. ได้รับเงินสดอย่างรวดเร็ว
    การขายฝากช่วยให้ผู้ขายสามารถเปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินสดได้ภายในเวลาสั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินด่วน

  2. ยังสามารถซื้อทรัพย์สินคืนได้
    แม้ว่าจะขายทรัพย์สินไปแล้ว แต่ผู้ขายมีสิทธิ์ซื้อคืนได้ภายในเวลาที่กำหนดตามข้อตกลง

  3. การดำเนินการง่ายและไม่ซับซ้อน
    กระบวนการขายฝากไม่ยุ่งยาก เมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

  4. ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันเพิ่มเติม
    ทรัพย์สินที่ขายฝากถือเป็นหลักประกันในตัวเอง ทำให้ไม่ต้องใช้เอกสารหรือหลักทรัพย์เพิ่มเติม

  5. เหมาะกับทุกกลุ่มทรัพย์สิน
    ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน หรือทรัพย์สินอื่นๆ สามารถนำมาขายฝากได้

การขายฝากเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้เงินในระยะสั้น โดยไม่ต้องเสียทรัพย์สินไปอย่างถาวร แต่ควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

การขายฝากเป็นวิธีการทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้:

  1. ผู้ที่ต้องการเงินด่วน
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสดอย่างเร่งด่วน เช่น เพื่อนำไปชำระหนี้ ลงทุน หรือแก้ปัญหาสภาพคล่อง

  2. เจ้าของทรัพย์สินที่ยังไม่ต้องการขายขาด
    สำหรับคนที่มีทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือที่ดิน และยังมีแผนจะซื้อคืนในอนาคต การขายฝากช่วยให้ยังมีโอกาสกลับมาเป็นเจ้าของได้

  3. ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคาร
    การขายฝากเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีหลักประกันหรือมีประวัติทางการเงินที่อาจไม่ตรงตามเงื่อนไขของธนาคาร

  4. ผู้ที่ต้องการลดขั้นตอนเอกสาร
    ขายฝากเป็นธุรกรรมที่ง่ายและรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

การขายฝากเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินในระยะสั้น แต่ยังต้องการความยืดหยุ่นในการซื้อทรัพย์สินคืน ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

1. สินทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโด ไร่นา ฯลฯ มีระยะเวลากำหนดไถ่ถอนได้ไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมขายฝาก แม้ไม่ได้มีการระบุระยะเวลาชัดเจนเอาไว้ หรือกำหนดเอาไว้เกิน 10 ปี แต่กฎหมายจะให้เวลาเพียง 10 ปี เท่านั้น
2. สินทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ และสังหาริมทรัพย์ (สินทรัพย์ทั่วไปอื่น ๆ) มีระยะเวลากำหนดไถ่ถอนได้ไม่เกิน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมขายฝาก แม้ไม่ได้มีการระบุระยะเวลาชัดเจนเอาไว้ หรือกำหนดเอาไว้เกิน 3 ปี แต่กฎหมายจะให้เวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น